แอร์โฮสเตส


ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "flight attendants training" หรือ "แอร์โฮสเตส"

Flight attendant

Sunday, March 30, 2008

ปัญหาคาใจของคนอยากเป็นแอร์-สจ๊วต

ปัญหาคาใจของคนอยากเป็นแอร์-สจ๊วต
ปัญหาคาใจของคนอยากเป็นแอร์-สจ๊วต (2)

พิธีกร
ช่วงต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของคำถามที่เหลือนะครับ
“อยากทราบถึงเรื่อง Aptitude Test ที่บอกว่าเป็น Choice อย่างนี้เราสามารถเลือกตอบเป็นด้านบวกได้ไหมคะ”

ดร.รัชนีวรรณ
คำถามจะไม่บวกไม่ลบค่ะ
มันจะถามแบบว่า คุณเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณอ่าน จะไม่รู้เขาวัดอะไรกันแน่
เพราะแบบทดสอบบุคลิกภาพ ปัญหาของมันก็คือ ธรรมชาติของคนอยากจะทำให้ตัวเองดูดี มันจะมีตัวแปรที่เราเรียกว่า Social Desire Ability ทุกคนอยากจะดูดีไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คนตั้งคำถามเขาจะระวังตัวนี้มาก เพราะฉะนั้น คุณจะไม่รู้หรอกว่า มันจะเป็นบวกหรือมันจะเป็นลบ ถ้าเราคิดมากไป เราอาจจะเผลอเลือกคำตอบไหนไป แล้วพอพบคำถามเดิมอีก เราอาจลังเลไม่แน่ใจว่าตอบอะไรไปแล้ว เพราะข้อคำถามจะมีมากเป็นร้อยๆข้อ ตอบใหม่ก็อาจจะไม่เหมือนเดิม

ถ้าเรื่องของการเตรียมตัวในการสมัครงานค่อนข้างจะอันตรายนะคะ แล้วก็คนสัมภาษณ์เขาอาจจะพยายามรักษาหน้าคุณ ไม่อยากให้คุณจากไปด้วยความไม่สมฤดี แต่ถ้าคุณเจอคนสัมภาษณ์ที่ไม่ได้ระมัดวังตรงนี้ เขาก็จะทักท้วงได้ว่า เอ๊ะ..ทำไมตอบไปอย่างนี้ในเมื่อพฤติกรรมของคุณเป็นอย่างนี้ แล้วเราจะรู้สึกแย่นะคะ

ฉะนั้น เขาบอกว่า (อันนี้ได้จากการเรียนที่ นิติศาสาตร์ธรรมศาสตร์ ค่ะ) เวลาที่คุณเริ่มจะโกหกในตอนสัมภาษณ์ สุภาษิตไทยเขาบอกว่าในปั้นน้ำเป็นตัว โกหกก็ต้องโกหกให้เป็นเรื่องเดียวกันให้ตลอดเลยนะคะ แล้วบางทีก็คิดไม่ทัน Folder เยอะผลิตไม่ทัน ปั้นน้ำไม่ทัน
อาจารย์ท่านยกตัวอย่างน่าสนใจมาก
ท่านบอกว่า สัมภาษณ์เด็กทุนค่ะ
ข้อมือทำไมขาว ๆ ล่ะคะ
เอ้อ...เคยใส่นาฬิกาอยู่
แล้วนาฬิกาหายไปไหน
อ๋อ..ผมจนครับอาจารย์ เพิ่งเอาไปเข้าโรงรับจำนำ
อาจารย์ถามจำนำเมื่อไหร่
จำนำเมื่อเช้าครับ
ไหนขอดูตั๋วจำนำหน่อยซิว่าอยู่ไหน
อืม...จะมีให้ดูไหม กรณีนั้น
ไม่มีค่ะ ท่านก็เลยบอกว่า ปั้มน้ำไม่ทันค่ะ
ฉะนั้นเริ่มต้นด้วยการหลอกผู้อื่นระวัง...มันจะพันตัวเองค่ะ

คำถาม
“ถ้าผ่านการสอบ Aptitude test แล้ว แต่ไม่ผ่านสัมภาษณ์ จะมีผลให้การสมัครใหม่หรือไม่“

คุณธัญลักษณ์
สามารถสอบได้อีกค่ะ
พูดถึงเอมิเรตส์นะคะ ถ้าคุณตกสัมภาษณ์ในรอบที่ 2 คุณจะต้องรออีก 6 เดือน สำหรับการสมัครครั้งใหม่ ถ้าคุณตกรอบ Final คุณจะต้องรออีก 1 ปีถึงจะสมัครใหม่ได้

คำถาม
“การสอบผ่าน Aptitude Test หมายความว่า เรามีความเหมาะสมกับงานใช่หรือไม่”

ดร.รัชนีวรรณ
ยกตัวอย่าง ถ้าลักษณะงานต้องการจะมุ่งหาพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ข้อสอบเขาก็จะวัดคุณว่าทำงานนี้ได้ดี คุณเป็นคนปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ คุณเป็นคนที่ทำงานเป็นทีมเวิร์ค เป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ถามว่ามันเหมาะสมไหม มันอาจจะใช่ แต่มันไม่ใช่มีแบบทดสอบอันนี้อันเดียว เพราะว่าแบบทดสอบ แบบวัดทัศนคติ หรือวัดบุคลิกภาพ มันบอกแต่ว่า คุณเป็นคนอย่างไร

ตัวแบบทดสอบตัวเดียวไม่ได้ออกมาแบบให้วัดได้ชัดเจนขนาดนั้นหรอกค่ะ

ต้องมาตีความและประเมินค่าอีกรอบหนึ่งค่ะ

คุณเสรี
ขออนุญาตเสริมอาจารย์ เรื่องแบบทดสอบครับ
เวลาเราแปลแบบทดสอบ ไม่ว่าทางด้านทัศนคติ หรือความถนัดอะไรก็ตาม มันจะมีคำ ๆ หนึ่งที่เอามาใช้ คือคำว่า Tendency มันเป็นแนวโน้มเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะวัดทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ใช่ฟันธงว่า คุณต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ การใช้แค่แบบทดสอบอันเดียวมาวัด จะสรุปเหมารวมไปเลยไม่ได้ มันจะต้อง Test กันหลาย ๆ Test ด้วยซ้ำ แต่ก็อาจจะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและเวลา เขาจึงอาจจะใช้อันใดอันหนึ่งเป็นตัวแทนน่ะครับ

คำถาม
“อยากทราบเทคนิคในการเขียน Resume ค่ะ ท่านใดจะตอบดีครับ”

คุณธัญลักษณ์
ขออนุญาตเป็นตัวแทนนะคะ ในคอร์สที่สอนอยู่ก็จะมีการสอนเตรียมพร้อมในเรื่องเอกสาร
Resume เป็นเอกสารสำคัญตัวหนึ่งนะคะ หลักใหญ่ๆ ในการเขียน Resume คือ อ่านง่าย ชัดเจน และตรงประเด็น แล้วก็ดูเรียบ ในปัจจุบันมีเว็บไซต์หลาย ๆเว็บที่เขาจะมีตัวอย่าง Resume มา Sample ให้เราดู เขาจะใส่เทคนิคอะไรแพรวพราวมากมาย มีตัวหนังสือเป็นหลายรูปแบบ มีสีสัน จริง ๆ แล้วตรงนี้ไม่จำเป็น มันขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานของเราด้วย ถ้าสมมุติว่าน้องจะไปสมัครเป็น Creative หรือ Copy Writer ก็โอเค ถ้าเราจะใส่ลูกเล่นหรือจะแสดงความสามารถในเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ของเรา ต้องดูความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่เราสมัครด้วยค่ะ

อ้อ... จุดที่เราอยากจะ Present อย่างเช่น ถ้าเราเคยผ่านการทำงานมาหลาย ๆ องค์กร ก็พยายามดึงเอาองค์กรที่ค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์ และมีความเกี่ยวเนื่องกับงานบริการ อาจจะไม่ใช่เกี่ยวกับสายการบินโดยตรงก็ได้ แต่ให้เกี่ยวเนื่องกับการบริการ หรือน้อง ๆ อาจจะเรียนมาโดยตรงทางด้านการโรงแรม การบิน การท่องเที่ยว ก็พยายามดึงตรงนั้นมาเขียนใน Resume นะคะ แล้วก็รวมไปถึงเรื่องการฝึกงาน พยายามเน้นที่ เป็นความเชี่ยวชาญและความสามารถของตัวเรา แล้วก็เน้นความเรียบง่ายในการนำเสนอ นะคะ

คำถาม
“ในการสัมภาษณ์ของการบินไทย มีการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษอย่างเดียว หรือว่าภาษาไทยด้วยครับ”

คุณเสรี
เท่าที่ผ่านมาเราก็จะใช้ภาษาไทยเป็นตัว Screen บุคลิกภาพก่อน แต่ภาษาอังกฤษมีผลคะแนน TOEIC กำกับไว้อยู่แล้ว ฉะนั้น ถ้าใครจะมาสมัครการบินไทยสอบ TOEIC ไว้ก่อนเลย แม้ไม่ทราบว่าจะเปิดรับสมัครเมื่อไหร่ก็ตาม อันนี้คือสิ่งที่ต้องมี อย่างแรก เพราะมันเก็บไว้ได้ถึงสองปีนะครับ ถ้าไม่มีตรงนี้อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง

อย่างที่สอง ถามว่ามีการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษไหม หลังจากผ่านภาษาไทย เราจะ Screen ออกค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราจะสัมภาษณ์ Individual เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วครับ อันนี้ต้องมีแน่นอน

พิธีกร
คำถามนี้น่าจะตอบอยากเหมือนกันนะครับ มีน้องคนหนึ่ง เขียนถามว่า
“นอกจากการบินไทยจะรับพนักงานที่มีคุณสมบัติ
ต่าง ๆ ที่ครบถ้วนแล้ว อยากเรียนถามว่าเราต้องเป็นเด็กเส้นด้วยหรือไม่ เราจึงผ่านจะการคัดเลือก”

คุณเสรี
คำตอบนี้คือถ้าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งนะครับ ตอบได้เลยว่าผมไม่มีเส้นสายเลยในสมัยนั้น แต่เดี๋ยวนี้ผมมักจะบอก
น้อง ๆ เสมอว่า ถ้าหากเราต้องเข้าไปอยู่ในองค์กรที่บางครั้งอาจจะต้องถูกอิทธิพลจากสังคมภายนอก หรือการเมือง ถ้าเราจะเข้าไปในสถานะที่เราไม่มี Connection อยู่เลย เราควรจะทำอย่างไร เราจะเป็น 1 ใน 20% นั้นได้อย่างไรในฐานะที่เราไม่มี Connection ในบางเรื่องเราคงจะไปควบคุมอะไรไม่ได้ครับ

ดร.รัชนีวรรณ
ดิฉันมีข้อมูลเพิ่มเติมให้กรณีนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ของการบินไทยนะคะ แต่อันนี้เป็นข้อร้องเรียนในสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ และก็เป็นเรื่องของการสัมภาษณ์ ขณะการสัมภาษณ์เข้างาน มีผู้ร้องเรียนมาว่าเขาเป็นคนธรรมดา ๆ เรียนก็ไม่ได้เลิศเลออะไร อุตสาห์ผ่านข้อเขียนจนไปถึงสัมภาษณ์ถูกถามว่า มาสมัครที่นี่รู้จักกับใคร ตำแหน่งอะไร จึงมาสมัครที่นี่ เขารู้สึกว่ามันเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่ยุติธรรม จึงร้องเรียนผ่านระบบเข้ามา

ทีนี้ในฐานะที่ตนเองทำหน้าที่ในศูนย์สรรหาและเลือกสรร เราได้รับทราบข่าวสารเนื่องจากว่ามันเป็นงานโดยตรง ท่านผู้บริหารก็อยากให้เรารับรู้ว่า คำถามที่เราสัมภาษณ์มีผลกระทบต่อความรู้สึกและการรับรู้ต่อองค์กรสำหรับประชาชนทั่ว ๆ ไป เพราะฉะนั้นท่านที่ต้องเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ก็ต้องระมัดระวัง

แต่สำหรับคำถามนี้ ส่วนตัวดิฉันอยากจะบอกอย่างนี้ค่ะว่า เด็กเส้นไม่ได้มี 100%หรอก ในองค์กรถ้ามันมี 5% 10% มันยังมีอีกตั้ง 90% ที่ให้เราเข้าไปนะคะ ในชีวิตการทำงานของดิฉัน ไม่เคยมีเส้นเลย แต่ก็มีคนมาถามเพราะว่าครั้งหนึ่งฉันได้บรรจุที่โรงพยาบาลราชวิถี มีคนเดินมาถามว่า ขอโทษ...เส้นใคร ถึงเข้ามาได้ เพราะที่นี่คนอยากเข้ามาก ดิฉันควรจะได้บรรจุต่างจังหวัดมากกว่า เพราะว่าเข้ามาตามระบบ

บังเอิญนะคะผู้ที่รับดิฉันเข้างาน ท่านเป็นคนที่มีความรู้ และท่านก็ชอบความยุติธรรมและความตรงไปตรงมา ดิฉันเข้าได้เพราะว่าหัวหน้างานปฏิเสธเด็กเส้นทุกอย่าง และบอกว่าจะเอาตามระบบ จะเอาตามความถูกต้อง ดิฉันก็เข้าไปในระบบได้

ฉะนั้น อย่าท้อใจเพียงเพราะว่า มีข่าวว่ามีเด็กเส้น
คุณจึงจะไม่สมัคร
ถ้าคุณมีความสามารถ องค์กรต้องการคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ

คำถาม
“อยากทราบตัวอย่างคำถามของแต่ละสายการบินครับ ยกตัวอย่างสักสองคำถามก็คงพอนะครับ ขอเริ่มจากการบินไทยก็แล้วกันครับ”

คุณเสรี
อย่างวันไปสัมภาษณ์ เราอาจจะถูกสัมภาษณ์เป็นคนที่ 80 ของกรรมการแล้วก็ได้คำถามก็อาจจะวนอยู่กับคำถามเดิม ๆ บางครั้งกรรมการอาจจะลุกขึ้นมาถามว่า
รู้ไหมว่าเครื่องบิน Jumbo ของการบินไทยมีกี่ลำ เราก็อาจจะตกตะลึง

ดังนั้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการตอบคำถาม มันก็คงจะเป็นปฏิภาณไหวพริบส่วนตัวที่เราจะต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ได้ก็บอก ไม่จำเป็นจะต้องดันทุรังครับ ที่สำคัญ เราคงจะไปจำกัดคำถามไม่ได้ มันจะมีหลากหลายมาก ๆ ครับ

ขอบคุณครับ

คุณธัญลักษณ์
สำหรับ เอมิเรตส์...เรามีทั้งสัมภาษณ์กลุ่ม และสัมภาษณ์เดี่ยว การสัมภาษณ์ของแต่ละสายการบินก็จะมีหัวข้อให้เราคุยแตกต่างกันไป ถ้าเราเจาะไปของ เอมิเรตส์ ก็จะต่างจาก JAL ways ตรงที่ว่า หัวข้อที่จะให้ จะไม่ให้ในเรื่องใกล้ตัว หรือให้เป็น Wording ในทำการ Group Discussion

เอมิเรตส์จะให้เป็นสถานการณ์ ให้เป็น Case ให้เป็น Situation เพื่อจะดูการทำงานเป็นทีม และการแสดงความคิดเห็นอะไรต่าง ๆ เหล่านี้นะคะ

ยกตัวอย่างเช่น คุณได้เป็นแอร์เรียบร้อยแล้ว เครื่องบินประสบอุบัติเหตุ จะต้องลงน้ำ ให้คุณเลือกช่วยผู้โดยสาร 5 คน จากตัวเลือก 7 คน แล้วเขาก็จะบอกรายละเอียดของผู้โดยสารแต่ละคนมา จะมีทั้งเด็ก คนท้อง คนแก่ ผู้ชาย และก็มีตัวแอร์เอง หรือสจ๊วตเอง ให้คุณเลือกช่วย 5 คนจาก 7 คน เพราะอะไร แล้วก็ไป Presentation อันนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งนะคะ

หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง Group Discussion ก็จะถามว่า เออ..ให้คุณลองเดาซิว่า กรรมการชอบสีอะไร โดยที่คุณสามารถถามกรรมการได้ 3 คำถาม ต้อง Discuss กัน แล้วจบที่คุณ ต้องเดาให้ถูกว่าเพราะอะไร ลักษณะนี้ค่ะ

คือ...ตรงนี้ก็จะดูการทำงานเป็นทีม การแสดงความคิดเห็น การใช้ภาษาอังกฤษของเรา
นี่คือคำถามในรอบสัมภาษณ์กลุ่มนะคะ
แต่ถ้าสัมภาษณ์เดี่ยว...

โดยปกติแล้ว คำตอบที่เราจะต้องเตรียมไปจากที่บ้านเลยก็คือ การแนะนำตัวเอง Introduce yourself เพราะว่าการแนะนำตัวเองสำคัญมาก ๆ อยากจะให้เขารู้จักเราอย่างไร คนเราอาจจะมีหลายมุมใช่ไหมค่ะ อยู่กับคุณพ่อคุณแม่เราอาจจะเป็น Character หนึ่ง อะไรลักษณะนี้ เราอยากให้กรรมการรู้จักเราตรงไหน หรืออยากให้กรรมการรู้อะไร ให้เราพูดไปตอนที่แนะนำตัวนี่แหละค่ะ

แล้วก็ช่วงที่แนะนำตัว ไม่จำเป็นจะต้องบอกว่าเป็นใคร มากจากไหน พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องกี่คน เพราะว่ากรรมการฟังแล้ว มันไม่ค่อยได้อะไร นึกออกไหมคะ

เออ..ไม่ได้อยากรู้ แต่ถ้าอยากรู้เดี๋ยวถามเอง...ว่าพ่อแม่ทำอะไร ตอนนี้ เราอยากรู้จักคุณมากกว่า

Guide Line ก็คือ พูดในสิ่งที่เป็นตัวเรา และอยากให้เขารู้จักอะไรในตัวเรา ก็นำเสนอออกไป จุดเริ่มต้นเลย เนื่องจากว่าการแนะนำตัวเราเป็นคำถามแรกที่เราจะเจอกัน ฉะนั้นการ Greeting การแนะนำตัว การทักทายกัน มันเป็นสิ่งที่สำคัญนะคะ

แล้วคำถามที่ Hot Hit อีกคำถามหนึ่งก็คือ
จุดเด่นของคุณคืออะไร
จุดด้อยของคุณคืออะไร

เมื่อคุณมีจุดด้อยแล้ว คุณจะแก้อย่างไร แล้วคุณคิดว่ามันกระทบกับงานที่คุณสมัครไหม

อันนี้เตรียมไว้นะคะ เพราะทุกคนต้องมีจุดเด่นและจุดด้อย จะบอกว่า อุ้ย...ดินฉัน perfect ไม่มีจุดด้อยค่ะ มีแต่จุดเด่นอย่างเดียวไม่ได้นะคะ เราต้องอยู่บนโลกของความเป็นจริง

อีกข้อหนึ่งก็คือ ทำไมถึงสนใจงานนี้
อันนี้ก็เป็นคำถามที่กว้าง แล้วก็คิดว่าอาจจะเป็นการบ้านสำหรับน้อง ๆ ให้กลับไปนอนก่ายหน้าผากคิดดู หรือว่าบางคนอาจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ได้

ที่สำคัญ คำถามอื่น ๆ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับว่า บทสนทนาของเรากับกรรมการเราได้คุยเรื่องอะไร แล้วก็แต่ละคนก็จะมีเรื่องแตกต่างกันไป
ขอบคุณค่ะ

คุณนาตยา
อยากจะของเสริมจากที่คุณเกดพูดแนะนำไป นะคะสิ่งที่กรรมการอยากรู้คือ สิ่งที่ตัวคุณเป็น อย่างเช่นว่า ชื่ออะไร เรียนจบจากที่ไหน เป็นจุดเริ่มต้นอย่างน้อย น้อง ๆ ทุกคนก็คงเตรียมไว้ในการตอบคำถาม แต่ว่าสิ่งที่ เราบวกเข้าไปได้อย่างเช่น สมัยเรียนเราทำกิจกรรมอะไรบ้าง จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการตอบคำถามมากกว่า

คำถามส่วนใหญ่ จะเป็นการตอบคำถามเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของแต่ละคนว่า เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเรา เราจะแก้ปัญหาอย่างไร

อย่างเช่นคำถามที่พี่เคยโดนถามนะคะ
เขาถามว่า อย่างในเครื่องบินลำหนึ่งเพื่อนร่วมงานทั้งหมด 15 คน สมมุตินะคะ ถ้ามีเพื่อนร่วมงานเราคนหนึ่ง
ขี้เกียจไม่ยอมทำงาน เราจะทำอย่างไร

อย่างนี้ละค่ะ...เป็นการถามเพื่อการแก้ปัญหาเบื้องต้นทั่วไปว่า เราจะสามารถปรับตัวให้เข้าการไปอยู่ในองค์กรของเขาได้ไหม

คำถามมักจะเป็นลักษณะอย่างนี้มากกว่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ

คุณมลฤดี
ขออนุญาตเสริมนะคะ อย่างเขาจะถามคุณว่า ถ้าคุณได้เป็นลูกเรือ แล้วคุณไปเจอผู้โดยสารหลับ คุณจะทำอย่างไร...เวลาเสิร์ฟอาหาร น้อง ๆ อาจยังไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร เพราะยังไม่เคยฝึกมา ส่วนใหญ่ลูกเรือสายการบินของพี่ก็จะบอกว่า จะปล่อยให้เขาหลับไป แล้วเราก็จะเก็บอาหารเอาไว้เสิร์ฟตอนที่เขาตื่น

หรือว่า...ถ้าเจอคนเมาทานเหล้าเยอะ เราจะทำอย่างไรอันนี้เป็นความน่ารักของแต่ละคนที่ถูกสัมภาษณ์ บางคนบอกว่าก็จะเสิร์ฟไปเรื่อย ๆ คะ บางคนอาจจะบอกว่า เวลาสิร์ฟก็อาจจะใส่น้ำเยอะหน่อย เพราะบางคนเมาแล้วอาจจะดูไม่รู้ นี่ก็เป็นเทคนิคส่วนตัวของแต่ละคน พี่แนะนำให้ตอบเป็นทางเดียวกันค่ะ อย่างที่พี่เกดบอกว่า คำถามลักษณะนี้จะตอบอย่างไร พี่เข้าใจว่าน้อง ๆ ทุกคนคงจะมีคำตอบในใจ เพราะถ้าไกด์ไป จะตอบเหมือนกันหมด มันจะกลายเป็นว่าเอา Pattern มาตอบ

หรืออาจจะเจอว่า ...ถ้าน้องเจอผู้โดยสารป่วย จะทำอย่างไร สิ่งเหล่านี้นะคะถ้าเป็นลูกเรือจะรู้ว่าทำอย่างไร ซึ่งถ้าเราไม่ได้เป็นลูกเรือ คงยังไม่ทราบ แต่หากเรามี Service Mind เราจะทำอย่างไร น้องสามารถตอบจากสิ่งที่น้องคิดเองได้
คุณนาตยา
แล้วก็อยากจะบอกว่า ต้องมีสติด้วย อย่างตื่นเต้นมาก
เพราะพี่เคยเจอประสบการณ์มาแล้ว น้อง ๆ จะพยายามบอกว่าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ภาษาญี่ปุ่น คำว่า ขอบคุณ พูดอย่างไรคะ
“อาริงาโต้”
น้อง ๆ รู้จักอาริงาโต้นะ แต่มีน้องบางคนพูดว่า
“อาโรงาติ”
ให้โอกาสพูดใหม่ก็ยัง “อาโรงาติ” อยู่ยังตื่นเต้นอยู่
อย่าตื่นเต้นนะคะ ต้องมีสติ
ขอบคุณค่ะ

พิธีกร
ผมขอเป็น 2 คำถามสุดท้ายนะครับ คำถามแรกคือ
“มาตรฐาน BMI คืออะไร ค่ามาตรฐาน เท่าไร”

คุณธัญลักษณ์
ที่ใช้น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ยกกำลัง 2 หารด้วยส่วนสูง อะไรนั่นใช่ไหมค่ะ
คือจริง ๆ แล้วหลักเกณฑ์ทั่วไปนะคะที่สายการบินต้องการ เบื้องต้นคือความสูง โดยที่เขาไม่ได้กำหนดกว่า BMI เขาเราเท่าไหร่ค่ะ ให้น้ำหนักมันสมดุลกับความสูงเท่านั้นเองค่ะ

คำถาม
“อีกข้อหนึ่งนะครับ TOEIC ต้องมีเกณฑ์อย่างไร และระยะเวลาเท่าไหร่ แต่ละสายการบินก็คงไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ ขอเชิญการบินไทยเริ่มก่อนครับ”

คุณเสรี
อย่างที่แจ้งไปนะครับว่า ของการบินไทยล่าสุดที่ใช้ TOEIC 600 TOFEL 500 และก็ IEIL 5.5 อันนี้ใช้ 3 Test ได้
แต่ถ้าจะดูไปที่ TOEIC 600 บางคนอาจจะโอย ๆ แล้วว่า สูงมากทั้งที่เมื่อก่อนใช้ 450 เคยมีนะครับ เพราะฉะนั้นต้องใช้ข้อมูล Update ต้องไปสอบไว้ก่อนครับ ถ้าหากว่าคะแนนยังไม่ถึงต้องไปสอบซ้ำเรื่อย ๆ

คุณธัญลักษณ์
แต่ละสายการบินก็จะมีคะแนนขั้นต่ำไม่เท่ากัน จะมีความแตกต่างของแต่ละสายการบิน ตอนนี้จะมีที่ต่ำที่สุดที่เราจะสามารถสมัครได้ก็คืออยู่ที่ 550 นะคะมี JAL ways, Bangkok Airways, Asiana ของเกาหลี, EVA Air แล้วก็ China Airways ของจีน

ปัจจุบันก็มีหลายสายการบินที่มีเกณฑ์ 600 คะแนนนะคะ มีการบินไทย, Thai Air Asia, แล้วก็ Fin air, kenya Airways

เลื่อนลงมาที่ 650 ขั้นต่ำก็มี Jet International Airways ค่ะ

คุณนาตยา
คือว่าเมื่อสักครู่ JALways คุณเกดได้แจ้งแล้วนะคะ 550 แนะนำอีกทีว่าอยากให้ไปสอบไว้นะคะ เพราะทุกครั้งที่สายการบินเปิดรับสมัคร คนจะลงสมัครสอบ TOEIC ค่อนข้างเยอะ แล้วคิวจะเต็ม เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลาแนะนำให้ไปสอบเตรียมไว้ ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายอยากเป็นลูกเรือนะคะ
พิธีกร
ก่อนที่จะเข้าคำถามสุดท้าย มีเรื่องรบกวนน้อง ๆ นะครับ ของเชิญน้อง ๆ ช่วยกรอกแบบสอบถามด้วยนะครับก่อนจากกันไปวันนี้ แล้วางไว้ที่โต๊ะ ส่วนเอกสารต่าง ๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็เก็บกลับไปได้ จะได้เตรียมตัวเพื่อให้ไปถึงความใฝ่ฝัน ขอเข้าคำถามสุดท้ายนะครับ

“เป็นเรื่องของรายได้และสวัสดิการของสายการบิน
ต่าง ๆ พนักงานต้องรับของแต่ละสายการบินได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง เริ่มจากการบินไทย เช่นเดิมครับ”

คุณเสรี
โดยพื้นฐานแล้ว ผมเป็นเด็กมาจากบ้านนอก ไม่มีอะไรเลย การทำงานกับสายการบินไทยให้อะไรกับเรามากมายทางด้านภายภาพ ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องตระหนักอีกอย่างหนึ่งว่า ว่ามันขึ้นเร็ว แต่มันจะคงอยู่อย่างนั้น

ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนของเรา ตอนนี้ตำแหน่งเขาขึ้นไปอยู่สูง จะขึ้นเป็นระดับผู้บริหารองค์กรแล้ว คือมองเห็นทิศทางแล้ว ของเรายังอยู่ตรงนี้อยู่ เพราะฉะนั้นยิ่งระยะยาวเท่าไหร่ ความห่างเส้นนี้มันจะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเราวางพื้นฐานให้ดี อย่าเห็นเป็นแอร์-สจ๊วตมีเงินเยอะ แล้วใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ไม่สร้างฐานะความมั่นคงให้กับชีวิต เพราะฉะนั้นหลังจากนี้อีก 10-20 ปีแล้ว มันจะเรียกคืนกลับมาไม่ได้นะครับ

ต้องยอมรับว่าแอร์-สจ๊วตเป็นงานที่มีรายได้ดีมาก ๆ
แล้วก็อย่างที่บอก บริหารเงินให้ดี ชีวิตก็จะมั่นคงมากขึ้น

คุณธัญลักษณ์
พี่ได้แจกเอกสารไปให้แล้วเรื่อง Salary แล้วก็ Allowance ค่าตอบแทนที่เราจะได้รับ ที่นี้เรามาดูในเรื่องของสวัสดิการบ้างนะคะ อย่างเวลาที่เรามี Lay Over ที่เมืองนอกเนี่ย สวัสดิการที่เขาจะดูแลเราคือ ค่าอาหารและที่พักเวลาที่เราไปอยู่โรงแรมบริษัทจะดูแลอยู่แล้วนะคะ เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ ส่วนถ้าเป็นของทาง เอมิเรตส์ จะต้องไป Base ที่ดูไบ บริษัทก็จะมีที่พัก ให้อยู่ฟรี แต่ว่าเสียค่าน้ำค่าไฟเอง ซึ่งก็เป็นเทอมต่อเดือน มีห้องนอนให้นะคะ แล้วก็มีห้องครัว มี Living Room ให้ทั้งหมด

ในเรื่องของทางด้านประกันนะคะ ก็จะมีทั้งในด้านสุขภาพ ประกันกลุ่ม แล้วก็ประกันเป็นรายบุคคล แล้วก็มีประกันเรื่องของทรัพย์สินด้วย ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่เป็นสวัสดิการให้ค่ะ

แล้วก็ Transportation การเดินทางต่าง ๆ สายการบินก็จะเป็นผู้ดูแลเวลาที่เราบินไปถึงประเทศต่าง ๆ แล้วทางสายการบินก็จะมีรถมารับเราถึงโรงแรม รับ-เราตามเวลานะคะ ตรงนี้ก็เป็นสวัสดิการอีกตัวหนึ่ง

ส่วนเรื่องวันหยุดต่าง ๆ ในหนึ่งปี เราสามารถลาหยุดได้ 30 วัน จะมีตั๋วให้เรากลับ Home Base ก็คือเราสามารถกลับมาเมืองไทยได้ทุก Vacation ก็จะให้ตั๋วฟรีกลับมา 30 วัน

เอมิเรตส์ ก็จะเป็นสายการบินเดียวที่ถ้าน้อง Train ไม่ผ่าน ก็ให้กลับบ้าน ส่งตั๋วให้กลับด้วยนะคะ บางสายการบินจะต้องชดใช้จ่าย Training ให้สายการบินด้วย แต่ เอมิเรตส์นี่ส่งตั๋วกลับให้เลย ช่วยรีบ ๆ กลับไปหน่อย ไหน ๆ คุณก็ไม่ผ่านแล้ว พูดเล่นนะคะ
ต่อไปจะเป็นเรื่องของสุขภาพ สุขภาพฟันและสุขภาพร่างกาย ทางสายการบินก็จะออกให้ เป็นค่าใช้จ่ายในรูปของยานะคะ ซึ่งรายละเอียด น้อง ๆ คงไปดูเอกสารที่แจกให้นะคะ

ในเรื่องของการบิน 1 เดือน 1 ควอเตอร์ เราจะได้หยุดทั้งหมด 8 วันต่อเดือน ในเรื่องตั๋วเครื่องบินเราก็สามารถขอได้เป็นตั๋วฟรี หรือว่าเขาจะเรียกว่าตั๋ว ID ซึ่ง ID ก็แปลว่า บัตรพนักงาน เสียแค่ราคา 10% ครอบครัวก็ Take care ให้ในส่วนของคุณพ่อ คุณแม่ ลูก สามีหรือภรรยา พี่น้องไม่ได้นะคะ สวัสดิการคร่าว ๆ ก็จะเป็นตามนี้ค่ะ

เอกสารที่แจกให้ลองไปศึกษาอ่านดูนะจ๊ะ

คุณนาตยา
สำหรับ JAL Ways นั้น Salary ก็เหมือนทั่ว ๆ ไป นะคะ จะได้เพิ่มมาอีกอย่างคือ Per-diem ยิ่งคุณทำงานมากก็จะได้เพิ่มขึ้นตามตัว ก็จะมีค่า Per-diem ค่ารถ ค่าประกันสุขภาพ มีค่าถุงน่องด้วย แล้วก็รวมถึงประกันสุขภาพ มีตั๋วเครื่องบินให้นะคะ โดยเส้นทางจะเป็นของ JAL Ways ทั่วโลก แล้วก็มีตั๋ว ID ของการบินไทยให้ด้วย

ส่วนในเรื่องของเวลาไปพักต่างประเทศ ก็จะมีรถรับ-ส่งและก็มีโรงแรมพักห้องละ 1 คน นะคะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะนอนรวมกัน จะนอนเป็นเพื่อนกัน Enjoy กัน สายการบินเราลูกเรือไทยเยอะ ไปกันทั้งลำเลย มีแอร์ญี่ปุ่นไม่กี่คน ลูกค้าพอเวลาเห็นเราพูดญี่ปุ่นปุ๊บนะ ก็จะพูดใหญ่เลย คือคิดว่าเรารู้เยอะ ตอนแรกเรารู้น้อยตอนหลัง ๆ เราจะรู้มากขึ้น แล้วคนที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องกังวล เพราะว่าเขาจะจับคุณ Train ภายในเวลา 2 เดือน คุณจะพูดได้ ฟังเข้าใจ คุณจะรู้ว่าต้องเสิร์ฟอย่างไร คุณจะแก้ไขเฉพาะหน้าได้ เวลาผู้โดยสารป่วย อะไรก็แล้วแต่ คุณสามารถปฏิบัติงานได้ ถือว่าเป็น Benefit ที่ยิ่งใหญ่

น้อง ๆ หลายคนคงทราบมาแล้วว่า การทำงานแอร์ไลน์ใครได้ภาษาที่สาม มันเป็นอะไรที่ได้เปรียบคนอื่นมากนะคะ ก็อยากให้น้อง ๆ ใฝ่รู้ และถึงน้องยังไม่ได้ไป Train ก็ไปเรียนเพิ่มถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการเตรียมตัว และชีวิตการงานของเราในอนาคตด้วย

ขอบคุณค่ะ

พิธีกร
ในนามของคณะนิสิตปริญญาโทสาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรม(ภาคพิเศษ) รุ่นที่ 12 ขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ และน้องๆที่ร่วมรับฟังการเสวนามาจนถึงช่วงสุดท้าย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านคงจะได้รับสาระประโยชน์ตามสมควรแก่เวลา และถ้าเป็นไปได้คงมีโอกาสได้พบกันอีกในบรรยากาศของการจัดเสวนาครั้งต่อไป

สุดท้ายนี้ขอกราบเรียนเชิญท่าน รองศาสตราจารย์ จำรอง เงินดี กรุณามอบของที่ระลึกแด่วิทยากรทุกท่าน และกล่าวปิดการเสวนาเป็นลำดับต่อไป ครับ


จบสมบูรณ์

No comments: