แอร์โฮสเตส


ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "flight attendants training" หรือ "แอร์โฮสเตส"

Flight attendant

Sunday, March 30, 2008

คนไทย...ใคร ๆ ก็อยากจ้างเป็นแอร์โฮสเตรส

คนไทย...ใคร ๆ ก็อยากจ้าง

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ท่านอาจารย์ ดร. รัชนีวรรณ วนิชย์ถนอม ได้กรุณาให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์มากมายเกี่ยวกับการเลือกอาชีพ และแนวทางการคัดเลือกคนที่เหมาะสมกับอาชีพ ตามหลักวิชาทางจิตวิทยาที่อธิบายให้ฟังอย่างง่ายๆ

วันนี้เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ นะครับ ที่เราจะได้รู้ว่าสายการบินต่าง ๆ มีวิธีการคัดเลือกลูกเรือของเขาอย่างไร เพื่อที่เราจะได้ตัดสินใจได้ว่า แต่ละสายการบินนั้นเหมาะสมกับตัวเราไหม ซึ่งวันนี้เรามีท่านผู้มีความรู้และมีประสบการณ์ตรง จาก 4 สายการบินชั้นนำ เกือบครบทุกเชื้อชาติเลยนะครับ ทั้งไทย แขก ญี่ปุ่น ฝรั่ง

เรามาเริ่มที่สายการบินบ้านเรากันก่อนเลยครับ ขอเรียนเชิญ คุณเสรี ครับ

คุณเสรี
อันดับแรก...ก็ต้องแสดงความยินดีกับน้อง ๆ รุ่นใหม่ที่ได้รับโอกาส เมื่อมีหน่วยงานเปิดโอกาสให้ได้ฝึกมุมมองในด้านอาชีพขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงสายการบินของไทย จากประสบการณ์ของตัวเอง ถ้านับย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้วที่ไปสมัครกับบริษัทที่ตัวเองสังกัดอยู่นี้ ถามตัวเองว่า....

สจ๊วต คืออะไร ???
... เราเองไม่มีคำตอบ
... เราเองเครื่องบินก็ไม่เคยขึ้น

คณะกรรมการถามว่า เราเหมาะที่จะเป็นพนักงานสายการบินนี้ด้วยเหตุผลอะไร?
คือ ... มันไม่มีข้อมูลอะไรเลย
ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ไม่เหมือนกับสมัยนี้ที่มีข้อมูลให้กับเรามากขึ้น นับว่าเป็นโชคดีนะครับ
ตอนนั้นที่ถูกสัมภาษณ์ด้วยคำถามนี้ เราก็อึ้ง
แต่ด้วยความที่อินโนเซ็นท์ เด็กอายุ 20-21 ก็ตอบว่า
“ผมคิดว่า... ผมคงจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะครับ”
เขาก็ถามว่า ยกตัวอย่างได้ไหม...เราก็ตอบไปตามความรู้สึกนึกคิดของเรา
พอถามตัวเองตอนนี้...
อะไรที่ทำให้เราถูกคัดเลือกเข้าไป ???
น่าจะเป็นคำถามที่โดนที่สุด เมื่อเขาถามว่า

คุณมีบุคลิกลักษณะอย่างไรที่น่าจะเหมาะกับงานสายการบิน ?

ผมตอบว่า ... ผมเป็นคนที่ประนีประนอม

ตัวอย่างก็คือ ถ้าไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ผมสั่งเส้นเล็กลูกชิ้นเนื้อเปื่อย แล้วเขาเอาลูกชิ้นเนื้อสดมาให้ ผมก็จะรับไว้ก่อน แล้วอีกชามหนึ่งขอเป็นตามสั่งแล้วกันนะครับ ผมว่าประเด็นนี้น่าจะเป็นประเด็นที่โดนใจกรรมการหรือเปล่า เพราะฉะนั้นหมายความว่าการที่ผมได้รับการคัดเลือก ขณะนั้นผมไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรเลยว่า...ลักษณะงานเป็นอย่างไร
ตอนที่ถูกสัมภาษณ์ คำตอบของผมมาจากลักษณะความเป็นเนื้อในของตัวเองจริง ๆ

เพราะฉะนั้นผมอยากจะแสดงความคิดเห็นว่า การจัดสัมมนาลักษณะนี้ขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารแก่น้อง ๆ และคนที่สนใจอาชีพนี้

ทั้งในทางบวก.....และ.....ทางลบ
ซึ่งจะทำให้เราจะมีความรู้รอบด้านมากขึ้น

แต่การเข้าไปสัมภาษณ์โดยไม่มีข้อมูล มันอาจกลายเป็นอีกแนวหนึ่งก็ได้ เราเข้าไปด้วยความเป็นตัวตนของเราอย่างแท้จริง ด้วยเนื้อในของตัวเอง

หลายสายการบินทั่วโลกในยุคปัจจุบัน....พุ่งเป้ามาที่คนไทยกันเยอะมาก...

อะไรที่ทำให้สายการบินต่างชาติพุ่งเป้ามาที่คนไทย ???

ใครพอจะมีคำตอบในใจบ้างไหมครับ...
ผมคิดว่า เขาคงจะเล็งเห็นถึงความเป็นไทยของเรานั่นเอง หรือเราจะเรียก Thai touch ที่แปลออกมาว่าเป็นเสน่ห์ไทย ก็ได้

ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนในสายการบินต่างชาติก็ตาม ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะนำเสนอถึงความเป็นไทย หรือเสน่ห์ไทยของเรา เราอาจเคยเจอพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินต่างชาติ โยนขนมปังผ่านหน้าเราไป แต่เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นในสายการบินของไทย หรือกับพนักงานคนไทยเลย

ไม่ก็ลูกเรืออาจเคยเจอผู้โดยสารลวนลาม หมายถึง ลูกเรือผู้หญิงนะครับ ปฏิกิริยาที่ลูกเรือคนไทยมีต่อผู้โดยสารก็จะเป็นอีกลักษณะหนึ่ง

โดยส่วนตัวเองจากประสบการณ์ทางการบินมา 20 ปี ผมคิดว่าการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน มันเป็นงานที่มีเสน่ห์ แต่ขณะเดียวกันมันก็มีด้านมืดอยู่นะ มันเป็นงานที่หนักมาก แต่อย่างไรก็ตาม ภาระหน้าที่ของงานนั้นจะหมดในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่มีตามมาที่บ้าน ไม่มีการบ้านจะต้องมาติว ไม่ต้องมาสานงานต่อ จบคือจบ ที่เหลือก็ตัวใครตัวมัน

ตามกฎการบินสากล ลูกเรือจะทำการบินได้ประมาณ 70-80 ชั่วโมงต่อเดือน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 70 ชั่วโมง รวมเป็นวันแล้วอาจเห็นว่าบินแค่ 3 วันต่อเดือนเอง แล้วเวลาที่เหลือ ถามว่าจะทำอะไรกันดี ???

เพราะฉะนั้นพวกเราก็จะมีเวลาว่างค่อนข้างเยอะ เนื่องจากงานจะไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ บนฟ้า การดำเนินชีวิตในช่วงประมาณ 27 วันที่เหลือก็ตัวใครตัวมัน

อย่างที่หลายคนบอกว่าความก้าวหน้าในอาชีพการงานของลูกเรือมันมีน้อย ตัวผมเองจึงใช้เวลาที่เหลือไปเรียนหนังสือเพิ่มเติม เพราะเป็นคนชอบเรียน ในขณะที่เราต้องเกษียณตอนอายุ 60ปี เราลองคิดถึงสภาพของเราตอนนั้นนะว่าจะเป็นอย่างไร ???

งานนี้เป็นงานที่ผู้โดยสารมองหน้าแล้วต้องทานอาหารลงนะครับ โดยส่วนตัวผมคงจะไม่พยุงตัวเองจนถึงอายุ 60 หรอกครับ งานนี้มันเป็นงานที่หนัก รูปลักษณ์และภาพพจน์ภายนอกสำคัญมาก รวมทั้งสภาพร่างกายของเราด้วย

รูปแบบชีวิต...ก็ด้วยครับ
วันนี้ไปนู้น...วันนู้นไปนี่

อุ้ย...วันนี้ลอนดอน พรุ่งนี้ซิดนีย์ วันต่อไปเวียงจันทร์ หรืออะไรก็ไป มันหลากหลายมาก เรื่องของเวลา การกิน การอยู่ การมอง จึงสำคัญมาก อย่างผมจะมีปัญหาเรื่องการนอน อเมริกานี่ห่างจากเรา 14 ชั่วโมง บางทีร่างกายเรายังปรับสภาพไม่ทันเลย

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ที่นี้ย้อนไปที่เรื่องของการคัดเลือก
การสมัครงานของการบินไทยอาจจะถูกครอบงำโดยประเด็นทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจสูงมาก เพราะฉะนั้น การตัดสินใจจะรับพนักงานเมื่อไรและอย่างไร จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางด้านสังคม และอิทธิพลจากภายนอกอยู่เกือบตลอดเวลา

อย่างสายการบินต่างประเทศอื่น ๆ อาจมีระยะเวลากำหนดอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นต้องบอกเลยว่าเห็นการบินไทย เขาประกาศรับสมัครพนักงานต้อนรับเครื่องบินในหนังสือพิมพ์เมื่อไร....ก็เมื่อนั้น

ทีนี้ ... เราลองมาดูวิธีการคัดสรรหรือการคัดเลือกบุคลากรของหน่วยงานหรือองค์กร จะมีการกำหนดคุณลักษณะ
6 มิติใหญ่ ๆ ของบุคลิกภาพ ดังนี้

1. Realistic พวกเป็นจริงเป็นจัง ซีเรียสกับชีวิต

2. Investigative นักคิด ชอบคิดนู่นคิดนี่
อย่างนักวิทยาศาสตร์ หรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัย

3. Artistic พวกศิลปิน ไม่ค่อยมีแบบแผน เป็นตัวของตัวเอง ให้ความสำคัญกับตัวเองสูง
4. Social พวกชอบเข้าสังคม

5. Enterprise นักธุรกิจ เป็นเงินเป็นทองทุกอย่าง พวกนี้ทุกอย่างจะต้องลงตัวเป๊ะ ๆ อย่างนักบัญชี

6. Conventional ยึดระเบียบแบบแผนชอบมีกฎเกณฑ์ ไม่ชอบออกไปจากกรอบ

น้อง ๆ คิดว่า 6 แบบนี้
ผู้ที่มาปฏิบัติหน้าที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินควรจะมีข้อไหนโดดเด่นที่สุด ?

….Social !!!

ถูกต้องครับ

อาชีพลูกเรือนั้นจะมีมิติทางด้าน Social ค่อนข้างสูงและโดดเด่นล้ำหน้าไปเลย
แล้วน้อง ๆ คิดว่าอันไหนควรจะมาเป็นอันดับที่สอง ?
Artistic นี่มาเป็นอันดับที่สองเลย
เพราะว่าการทำงานด้านนี้ เราต้องอาศัยศิลปะสูงมาก โดยเฉพาะการบริการผู้โดยสารชั้นหนึ่ง หรือ First Class ที่พี่ทำอยู่

เพราะเราต้องมีการประดิดประดอยของที่จะนำออกไป present ให้ผู้โดยสารสูงมาก ๆ ดังนั้น ทำอย่างไรให้มันออกมาแล้วดูดี

มันก็จะมีกรอบ มีข้อกำหนดว่าเราต้องวางจานด้านไหน เอาข้าววางด้านไหน เอากับข้าววางด้านไหน

ถ้าเราบริการแบบลวก ๆ ไม่มีศิลปะในการจัดทำจะทำให้งานที่เสนอออกไปดูไม่ดีนะครับ

ลองคิดดูสิว่า ค่าตั๋ว First Class กรุงเทพฯ-ลอนดอน เท่าไหร่ล่ะ???

แสนกว่าบาท.....นะครับ
ดังนั้น ความคาดหวังของผู้โดยสารที่มีต่อเราจะสูงมาก บางครั้ง...เราไปทำงาน เราอาจลืมไปเลยว่า ผู้โดยสารเขาจ่ายอะไรให้กับเราบ้าง

สิ่งที่เราทำวันนี้ พอเรากลับถึงบ้านแล้ว... ถ้าเราเกิดบริการไม่ดีขึ้นมา โอ๊ย...รู้สึกผิดนะครับ

เรื่องนี้ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่มานำเสนอให้น้อง ๆ เห็นคุณลักษณะของคนที่จะทำงานนี้

สำคัญที่สุด คือ ตัวตนของเราเองนั่นแหละ...

...ทรัพยากรที่ดีที่สุดที่จะนำไปเสนอกับคณะกรรมการ
ในการสอบคัดเลือกเป็นลูกเรือ
ขอบคุณครับ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

No comments: